pornstar doggy style fuck in wedding dress hd pics indiansexmovies.mobi sex videos telugu sex video call takingabout cam porn new girls big booty big back cocks hard xxx photos

เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู ที่มีขายในไทย

เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู ที่มีขายในไทย ในปี 2021 กระแสรถไฟฟ้ามีเข้ามาในไทยเป็นเวลานานแล้ว ได้รับความนิยมมากขึ้น ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ต้องการที่จะประหยัดพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน บทความวันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ รถยนต์ไฟฟ้าที่มีขายในไทย ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า มีขายในไทย 1. รถยนต์ไฟฟ้า MG EP EV  NEW MG EP 2021 รถสไตล์ Station Wagon เปิดราคา ราคา 988,000 บาท ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ของเอ็มจี มีทุกสิ่ง ครบครันทุกอย่าง ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100  ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง  2. รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV เริ่มต้นด้วยเจ้าแรกที่เปิดราคามาแบบ WOW กันเลยกับค่าตัว 1,190,000 บาท ทำให้ปลุกกระแสรถไฟฟ้า ได้เป็นอย่างดี  MG ZS EV โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ SUV ตามแบบฉบับของเอ็มจี สีตัวถังแบบพิเศษ “สีฟ้า Copenhagen Blue” ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ กับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วได้เพียงปลายนิ้ว 3. รถยนต์ไฟฟ้า Nissan Leaf อีกค่ายกับกับรถญี่ปุ่น นิสสัน ลีฟ ถือเป็นค่ายแรกที่นำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้า ลีฟ ได้รับความนิยมของคนทั่วโลก ที่สามารถทำยอดขายได้รวมกว่า 40,000 คันไปแล้ว เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ได้รับการพัฒนาให้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า AC SYNCHRONOUS ขนาด 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง 4. รถยนต์ไฟฟ้า Audi e-tron Audi e-tron Sportback 55 quattro S line เอสยูวีทรงสปอร์ตคูเป้ สมรรถนะสูง ทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง 5. รถยนต์ไฟฟ้า FOMM ONE  FOMM ONE  เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดเล็ก กระทัดรัด แต่สามารถรองรับที่นั่งได้ถึง 4 ที่นั่ง  ถือเป็นรถขนาดเล็กกระทัดรัด  ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยอัตราสิ้นเปลืองเพียง 30 สตางค์ต่อกิโลเมตร ด้วยการชาร์จในระบบไฟฟ้าภายในบ้านเพียง 6 – 8 ชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 160 กิโลเมตร ตอนนี้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จัก และเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นในสังคมไทย ด้วยดีไซน์รถที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม พร้อม ๆ กับฟังก์ชันการใช้งาน ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่รักสิ่งแวดล้อมไม่น้อย ใครที่กำลังมีแพลนที่จะหาซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับสักคัน ก็อย่าลืมหาข้อมูลก่อนซื้อให้รอบด้านด้วยนะคะ บทความแนะนำ : 4 แอปพลิเคชั่นหาเพื่อน เหมาะสำหรับคนเหงา ในช่วงเวลาแบบนี้ การออกไปพบปะเพื่อน ๆ หรือว่าโอกาสในพบเจอผู้คนใหม่ ๆ แทบจะเป็นไปได้ยากมาก วันนี้เราเลยมีตัวช่วย ที่จะทำให้คุณได้รู้จัก เพื่อน ๆ ใหม่ ผ่านทางโทรศัพท์

4 โรคภัยที่มากับหน้าหนาว ที่คนเลี้ยงหมาต้องระวังให้ดี

ในบทความเกี่ยวกับสุขภาพครั้งที่แล้ว เราได้แนะนำ โรคที่มากับหน้าหนาว ที่คนต้องระวัง ครั้งนี้เรามาแนะนำ 4 โรคภัยที่มากับหน้าหนาว ที่คนเลี้ยงหมาต้องระวังให้ดี เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว เราควรทราบและรับมือกับโรคภัยไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ 4 โรคภัยที่มากับหน้าหนาว ที่คนเลี้ยงหมาต้องระวังให้ดี 1. โรคหลอดลมอักเสบติดต่อ (โรคหวัด) โรคหวัด เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ส่วนมากที่พบจะเป็นพวกเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ซึ่งในฤดูหนาวมีอากาศที่แห้ง ร่างกายจะสูญเสียความชุ่มชื้นไป โดยตามปกติระบบร่างกายจะมีการปกป้องเชื้อโรคตามธรรมชาติ แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทางเดินหายใจที่ขาดความชุ่นชื้น จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ยิ่งหากสุนัขมีสุขภาพที่อ่อนแอร่วมด้วยแล้ว ก็จะทำให้ป่วยเป็นหวัดตามมาได้ นอกจากกลุ่มลูกสุนัข สุนัขแก่ และสุนัขที่ร่างกายอ่อนแอมีโรคประจำตัว ที่เสี่ยงป่วยเป็นหวัดได้ง่ายแล้ว ยังมีกลุ่มสุนัขพันธุ์หน้าสั้น สุนัขที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคครบถ้วนด้วย ที่เจ้าของต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ    การรักษานั้น ถ้าเป็นไม่รุนแรง ถ้ามีอาการไม่รุนแรง ส่วนใหญ่จะสามารถหายป่วยได้เองภายใน 7-10 วัน ช่วงนี้ต้องให้น้องหมาได้พักผ่อนเต็มที่ ให้อาหารและน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ควรให้น้องหมาอยู่ในที่ที่อบอุ่น ไม่ควรให้นอนบนพื้นที่เย็นและชื้น ห้ามเปิดพัดลมโกรกหรือนอนตากแอร์ อาจหาเสื้อมาสวมให้ก็ได้ หากมีเสมหะมากเจ้าของอาจช่วยน้องหมาทำการ “ตบอก (Coupage)” โดยทำฝ่ามือโค้งเป็นรูปถ้วย ตบลงบริเวณซี่โครงช่วงอกด้วยแรงที่พอเหมาะ ไล่จากส่วนท้ายไปต้น คล้ายการตีกลองด้วยมือ เพื่อให้น้องหมาได้ไอแล้วขับเสมหะออกมา ควรทำวันละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที หรืออาจจะพาเดินเล่นเพื่อกระตุ้นให้ไอก็ได้ครับ หากมีอาการมากขึ้นคุณหมออาจจะฉีดยาและให้ยามาป้อนทีบ้าน นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยวิธีการพ่นยา (Aerosol therapy, Nebulization) ด้วยละอองที่มีอนุภาคขนาดเล็กคล้ายควันเพื่อให้น้องหมาสูดดมเข้าไป  ในการพ่นยาแต่ละครั้งจะใช้เวลา 20-30 นาที วันละ 1-4 ครั้ง โดยพ่นอย่างน้อย 3 วันติดต่อกัน ข้อดีของวิธีพ่นยา คือ ยาจะออกฤทธิ์เฉพาะที่ต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรงเลย 2. โรคไข้หัด  โรคหัดสุนัขเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อ Canine distemper virus โดยการสัมผัสโดยตรงกับเชื้อที่อยู่ในสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ป่วย ส่วนใหญ่ผ่านทางการหายใจ การติดโดยทางอ้อมจากการใช้อุปกรณ์ร่วมกันไม่ค่อยพบเพราะไวรัสไม่สามารถอยู่ได้นานในสิ่งแวดล้อม แต่ในสัตว์ที่ป่วยสามารถแพร่กระจายโรคได้หลายสัปดาห์หลังจากหายแล้ว ลูกสุนัขหรือสุนัขที่ติดเชื้อโรคหัดสุนัขจะแสดงอาการต่าง ๆ ออกมา โรคหัดสุนัขอาจมีหลายรูปแบบ จึงมักทำให้การวินิจฉัยทำได้ยาก โดยทั่วไปมีอาการดังนี้: ไข้สูง อาการท้องเสียและปัญหาในระบบทางเดินอาหาร อาเจียนอย่างฉับพลัน ง่วงงุน เซื่องซึม เบื่ออาหาร จาม ไอ และมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ปัญหาด้านจักษุ ผิวหนัง หรือระบบประสาท ไข้หัดสุนัขจะเป็นโรคที่น่ากลัว โอกาสตายสูง ไม่มีวิธีรักษาเฉพาะ สิ่งที่ดีที่สุดคือการป้องกันโรค ซึ่งผู้เลี้ยงสุนัขควรให้ความสำคัญนั่นคือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัข เพราะให้ผลในการป้องกันโรคได้ค่อนข้างดี เราสามารถเริ่มทำวัคซีนครั้งแรกเมื่อลูกสุนัขอายุ 6-8 สัปดาห์ขึ้นไป  ส่วนในกรณีเพิ่งรับลูกสุนัขใหม่เข้ามา ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย คุณหมออาจยังไม่ฉีดวัคซีนให้ทันที เนื่องจากลูกสุนัขที่เปลี่ยนสถานที่อยู่ใหม่ อาจมีความเครียด ซึ่งจะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันตกลงและไวต่อการติดโรค คุณหมอมักจะแนะนำให้แยกเลี้ยงออกจากสุนัขตัวเดิมในบ้าน และให้กินวิตามินบำรุงร่างกาย และเพื่อสังเกตอาการก่อนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ หากแข็งแรงดีแล้ว จึงค่อยเริ่มทำวัคซีนป้องกันโรคนี้กันครับ 3. โรคลำไส้อักเสบในสุนัข โรคลำไส้อักเสบเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเจ้าของหลายคนมีความเข้าใจผิดว่าโรคนี้เกิดจากการที่สุนัขกินกระดูกเข้าไป แล้วทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ โรคนี้มีความรุนแรงในลูกสุนัข โดยเฉพาะลูกสุนัขที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้มีความคงทนในสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก และสามารถติดต่อได้ง่ายผ่านทางการกิน เชื้อดังกล่าวจะเข้าไปทำลายเซลล์ที่ผนังลำไส้จึงทำให้สุนัขถ่ายเหลวปนเลือดออกมา ดังนั้นเมื่อเจ้าของสัตว์ต้องการเลี้ยงสุนัข ควรพาสุนัขมาทำวัคซีนป้องกันโรคกับคุณหมอให้ครบตามโปรแกรมวัคซีน ซึ่งได้แก่ วัคซีนรวม 5 โรค (โรคไข้หัด ลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ เลปโตสไปโรซิส และหลอดลมอักเสบติดต่อ) โดยเริ่มทำได้เมื่ออายุครบ 2 เดือน จากนั้นกระตุ้นอีก 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน และวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มทำได้เมื่ออายุครบ 3 เดือน จากนั้นกระตุ้นอีก 1 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน หลังจากนี้จะเป็นการกระตุ้นวัคซีนทั้ง 6 โรคประจำปี 4. ภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำในสุนัข ภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำ (Hypothermia) ในสุนัข หมายถึง การที่อุณหภูมิในร่างกายของน้องหมาต่ำกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ร่างกายของน้องหมาสูญเสียความร้อนออกไป เช่น อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่หนาวเย็นจัด หรือเกิดจากความเจ็บป่วยของร่างกาย ทำให้ระบบการควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายทำงานผิดปกติ  ตลอดจนการได้รับยาบางชนิดที่มีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เช่น การวางยาสลบขณะทำการผ่าตัด เนื่องจากยาสลบจะไปกดการทำงานของ hypothalamic thermoregulary center ของร่างกาย  นี่ก็ใกล้ฤดูหนาวเข้ามาทุกที แม้ว่าอากาศในบ้านเราจะไม่หนาวเท่าต่างประเทศ แต่ก็ทำให้น้องหมาได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยเฉพาะน้องหมาที่เลี้ยงนอกบ้าน ลูกสุนัข และสุนัขสูงวัย เจ้าของจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ควรหาที่อบอุ่นให้อยู่เพื่อป้องกันลมหนาว หากเป็นน้องหมาขนสั้น น้องหมาพันธุ์เล็ก เจ้าของอาจหาเสื้อมาใส่ให้ หากเป็นลูกสุนัขแรกคลอดควรเปิดไฟกกเพิ่มอุณหภูมิให้ อย่าลืมชวนน้องหมาวิ่งออกกำลังกายบ้าง การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม และยังช่วยสร้างความร้อนให้กับร่างกายไปในตัวด้วย บทความแนะนำวันนี้เราขอแนะนำ Ni Shu Shen Me เกมสล็อตมาใหม่ น่าเล่น ที่คุณห้ามพลาด เกมมาใหม่จากค่ายเกม slotxo ซึ่งแน่นอนว่า หากขึ้นชื่อว่ามาจากค่ายนี้ รับรองว่าจะต้องเป็นเกมที่แจ็คพอตแตกง่าย และโบนัสเยอะมาก ๆ แน่นอนค่ะ ซึ่งในวันนี้เอง เราจะพาคุณได้ไปรู้จักกับเกมสล็อต อ่านบทความแนะนำ ภัยเงียบจากปลาทูน่า

รวม 6 คาเฟ่น้องหมาสุดน่ารัก แถมอาหารก็ยังอร่อยอีกด้วย

ถ้าใครกำลังหาที่เที่ยวน่ารัก ๆ และมีน้องหมารายล้อมอยู่ละก็เราได้ รวม 6 คาเฟ่น้องหมาสุดน่ารัก มีสัตว์เลี้ยงมากมายยังไม่พอ แถมอาหารก็ยังอร่อยอีกด้วยนะ จะมีร้านไหนบ้างไปดูกันเลย รวม 6 คาเฟ่น้องหมาสุดน่ารัก 1. Truelove cafe @ Neverland Siberians  ร้านอาหารและคาเฟ่สุนัขไซบีเรียน ก่อนที่จะมาเป็นคาเฟ่ไซบีเรียนแบบในปัจจุบันนี้ ที่นี่เคยเป็นฟาร์มไซบีเรียนมาก่อนถึง 15 ปี น้องหมาน่ารัก ๆ ชวนให้ทุกคนไปถ่ายรูปด้วย ใครที่จะเล่นกับน้องไซบีเรียนแนะนำให้โทรจองก่อน เพื่อความชัวร์เรื่องคิวค่ะ วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดทุกวัน วันละ 2 รอบ รอบแรกเวลา 13:00 น. – 14:00 น. รอบที่สองเวลา 16:00 น. – 15:00 น. ซอย อารีย์สัมพันธ์ 2 กรุงเทพมหานคร (สุดซอย อารีย์สัมพันธ์ 2) 2. Inu cafe ร้านคาเฟ่ที่มีน้องชิบะเป็นตัวชูโรง ใกล้ทะเลหัวหิน ภายในร้านมีน้องหมาหลายตัวเลยทีเดียว และเป็นตัวที่คุ้นเคยกับคนเป็นอย่างดี นอนนเฉย ๆ ให้เราถ่ายรูปได้ สามารถพาเด็กเข้าได้อีกด้วย วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดวันพุธ – วันจันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 11:00 น. – 20:00 น. ซอย แนบเคหาสน์ ประจวบคีรีขันธ์ (เข้าซอยหัวหิน 51 เลี้ยวขวา เข้าซอยแนบเคหาสน์8(ติดกับร้านบ้านถั่วเย็น) ร้านอยู่ซ้ายมือ) 3. Dog in Town Cafe ร้านคาเฟ่น่ารัก เหมาะสำหรับคนรักสุนัขหรืออยากให้เด็กมามีกิจกรรมในวันหยุด หรือยามเย็น เป็นร้านที่รวมสุนัขพันธุ์ใหญ่ สุนัขเขตหนาว สุนัขญี่ปุ่น ให้ลูกค้าได้เข้ามาใกล้ชิดและเล่นกับมัน ราคาเริ่มต้นค่าเข้า 300 บาทต่อคน วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา วันอาทิตย์ – วันพฤหัสบดี 11:00 น. – 20:00 น. วันศุกร์ – อาทิตย์ 11:00 น. – 21:00 น. ถนน สุขุมวิท 63 ซอยเอกมัย 6 กรุงเทพมหานคร (ตั้งอยู่ที : เข้าซอยเอกมัย 6 (บิ๊กซีเอกมัย) ประมาณ 200 เมตร เลี้ยวขวาเเรก ร้านอยู่ซ้ายมือ) 4. Husky House Cafe ร้านคาเฟ่สุนัข มีไซบีเรีย 5 ตัว 1 ตัว โกลเด้น ร้านสะอาดตา เรียบหรูโทนสดใส อาหารอร่อย มีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย มีเค้กและบิงซุอีกด้วย วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการวันพฤหัสบดี – อังคาร (หยุดวันพุธ) เวลา 10:00 น. – 20:00 น. Mueang, Amphoe Mueang Chon Buri, Chonburi, 20130, Thailand ชลบุรี (ถนนเลี่ยงเมืองหนองมน โค้งลูกทุ่ง) 5. Big Dog Cafe คาเฟ่หมาแถวรัชดา ที่ยกขบวนน้องหมาสายพันธุ์แปลกหายากตั้งแต่ไซด์เล็กไปจนถึงไซด์ยักษ์ มาสร้างความป่วนหรรษาให้กับเหล่าคนรักสุนัข พร้อมเมนูอาหารอร่อย ๆ มากมาย เพลิดเพลินกับน้องหมายักษ์สุดซนท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนน่ารักกับแก๊งค์ตัวแสบขนปุยสายพันธุ์ที่แปลกและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย ที่นี่จะเปิดเป็นรอบ ๆ วันนึงมี 5 รอบ ราคาค่าเข้า 215บาท วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09:00 น. – 22:00 น. ถนน รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร (ร้านอยู่บนเส้นถนนรัชดาภิเษก ตรงข้ามตึกไทยประกันชีวิต และบิ๊กซีรัชดา 6. Corgi in the garden คาเฟ่ที่รวม น้องหมาคอร์กี้มากถึง 12 ตัว คาเฟ่จะปล่อยน้องออกมาเล่นกับลูกค้าเป็นรอบ ๆ รอบ 10.30 น. (เฉพาะเสาร์ และอาทิตย์) , 12.30 น. , 14.30 น. และ 16.30 น. มีหนึ่งชั่วโมงในการเล่นกับน้องคอร์กี้ วันและเวลาเปิดให้บริการ เปิดให้บริการอังคาร – วันอาทิตย์ (หยุด วนจันทร์) เวลา วันอังคาร – วันศุกร์ 12.30 – 18.00 เวลา วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 10.30 – 18:00 338/1 ถนน กัลปหฤกษ์ กรุงเทพมหานคร…

11 ของเล่นที่เหมาะกับสุนัข โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก

การออกำลังกายก็สำคัญกับลูกสุนัข แต่ในบางครั้งเราก็ไม่สามารถจะพาเจ้าสัตว์เลี้ยงออกไปข้างนอกได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคที่อากาศหนาว หรือว่าร้อนเกินไป เราต้องหาเกมหรือของเล่นที่สามารถเล่นภายในบ้านได้ และการเล่นภายในบ้านแบบนี้ยังเหมาะกับลูกสุนัขที่มีอายุยังน้อยอีกด้วย ไปดูกันเลยว่า 11 ของเล่นที่เหมาะกับสุนัข โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกจะมีอะไรกันบ้าง 11 ของเล่นที่เหมาะกับสุนัข โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก 1. ชักเย่อ ชื่อการเล่นอย่างหนึ่ง โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย แต่ละฝ่ายจะมีจำนวนเท่า ๆ กันหรือกำลังพอ ๆ กัน การนำชักเย่อมาเล่นกับน้องหมาก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ใช้เชือกเป็นที่ช่วยออกกำลังกาย และช่วยนวดเหงือกน้องหมาของเรา เป็นการออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรง และมีสุขภาพจิตที่ดี 2. ลูกบอลของเล่น หากบ้านไหนเลี้ยงหมา ลูกบอลเป็นของเล่นที่ควรมีติดบ้านไว้เลย เพราะสามารถเล่นได้ง่าย เราสามารถเล่นกับสุนัขของเราได้ โดยไม่ต้องออกแรงมาก น้องหมาสามรถเข้าใจได้ง่ายว่าต้องเล่นยังไง บางทีเราสามารถปล่อยให้น้องเล่นเอง โดยที่ไม่เราคอยกำกับก็ได้ 3. เล่นซ่อนหา การเล่นซ่อนหากับสุนัขจะช่วยให้เขาได้ออกกำลังกาย ดต่อดีทั้งกาย และใจ เวลาเราซ่อนจากสนุกก็สนุกเช่นกัร ลองไปเล่นกับน้องหมาที่บ้านดู ว่าเขาจะสามารถเจอเราเร็วแค่ไหน 4. Dog Agility เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ให้น้องหมาหลากหลายสายพันธุ์ เข้าแข่งขันโดยการวิ่งข้ามเครื่องกีดขวางชนิดต่างๆ เช่น บาร์ สะพาน กระดานหก ลอดอุโมงค์ผ้า วิ่งซิกแซก กระโดดลอดห่วง โดยให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด และให้ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละรุ่น  เราสามรถให้น้อหมาของเราเล่น Dog Agilty ในบ้านของเรา โดยใช้สิ่งกีดขวางที่เราสามรถเอาของใช้ในบ้านมาสร้างได้ เช่น ตะกร้า ราวตากผ้า อื่น ๆ 5. Giggle Ball Giggle Ball คือของเล่นของน้องหมาที่มีเสีบงออกมา เพราะมีเสียงด้วย เลยทำให้สุนัขสามารถอยู่เล่นได้นาน ๆ โดยไม่มีเบื่อ เขาจะไล่จับตามเสียง ที่ออกมาจาก Giggle Ball 6. ล่าสมบัติ สุนัขมีความสามรถพิเศษในการตามกลิ่น เราสามารถเล่นซ่อนหาโดยใช้กลิ่นเป็นตัวนำ ให้เขาหาสมบัติ โดยใช้ขนม และของกิน ซ่อนเอาไว้เพื่อนำกลิ่น 7. Wickedbone ของเล่นสำหรับน้องหมาชิ้นนี้เป็น Smart Dog Toy ที่สามารถตอบโต้น้องหมาได้ชิ้นแรกของโลก ด้วยรูปทรงกระดูก บวกกับการเคลื่อนไหวที่ไม่จำกัดจะทำให้น้องหมาคลายอาการเบื่อและเหงา แถมยังช่วยขจัดอารมณ์กังวลของน้องหมาได้อีกด้วย Wickedbone สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศ ซึ่งควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งแบบเราเป็นผู้ควบคุมทิศทางเอง หรือจะกำหนดให้เคลื่อนที่อัตโนมัติในช่วงเวลาที่เรากำลังยุ่งก็ได้ โดยจุดเด่นของ Wickedbone อยู่ที่การมีปฎิกิริยาการหรือการตอบโต้เมื่อถูกสัมผัส นั่นคือเมื่อน้องหมาแตะโดนของเล่นชิ้นนี้ Wickedbone จะเปลี่ยนการเคลื่อนไหวไปเรื่อย ๆ น้องหมาก็จะตามติดจนกลายเป็นความเพลิดเพลิน รวมทั้งยังกระตุ้นให้น้องหมามีความกะตือรือร้นอีกด้วย 8. Chess ของเล่นหมากรุกแบบอินเทอร์แอคทีฟนี้ จะกระตุ้นให้สุนัขของคุณมีพลัง ในขณะที่พวกเขาพยายามขยับชิ้นส่วนไปรอบ ๆ เพื่อรับขนม มันสามารถเล่นได้เรื่อย ๆ จนกว่าสุนัขของคุณจะเหนื่อย 9. เล่นกับบรรได ขนาดมนุษย์ชึ้นลงบรรไดยังรู้สึดว่าได้ออกกำลังกายเลย สุนัขก็คงจะเช่นเดียวกัน เราสามารถใช้บรรไดเป็นสนามในการเล่นภายในบ้านได้ เช่น โยนลูกบอลขึ้นลง เพื่อให้น้องหมาของเราตามจับ 10. ฟองสบู่ ว่ากันไว้ว่าสนุขทุกตัวนั้นชอบฟองสบู่ วิธีเล่นก็ง่ายมาก ๆ โดยเราเป่าฟองสบู่แล้วให้น้องหมาตามจับ การวิ่งจับฟองทำให้น้องหมาได้ออกกำลังกาย และยังมอบความสนุกให้กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย ยิ่งถ้าเราเปลี่ยนฟองสบู่ให้มีกลิ่นที่จูงใจ เช่น กลื่นอาหาร เบคอน ยิ่งจะเพิ่มความสนุกให้มากขึ้นอีก 11. Treat Ball Treat Ball เป็นของเล่นที่ให้อาหารไปในตัว ลูกบอลให้อาหารของเล่นชนิดนี้ เพิ่มความสนุกให้แก่สัตว์เลี้ยง แม้จะทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ทานอาหาร เราสามารถปล่อยให้น้องหมาเล่นไปเอง โดยที่ไม่ต้องให้อาหารระหว่างกิจกรรม เหมาะกับเจ้าของที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดู รู้กันมั้ยว่าสัตว์เลี้ยงบางตัวก็ซื้อขายกันในราคาที่สูงมาก บางตัวขายกันในราคาสูงถึงหลักแสน เช่นตัวอย่างที่เรานำมาให้ทุกคนได้อ่านกันวันนี้ กับ 10 อันดับ สายพันธุ์น้องหมาที่แพงที่สุดในโลก จะมีพันธ์อะไรกันบ้าง แต่ละตัวราคาเท่าไหร่ แล้วสามารถเลี้ยงไทยได้ไหม ไปดูกันเลย แล้วเคยสงสัยกันไหมว่าค่าตัวของดารา นักแสดงได้เท่าไหร่กัน ราคาค่าตัวของดารา แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับความดัง ส่วนดาราสังกัดช่อง และสังกัดค่าย ก็จะมีราคากำหนดค่อนข้างตายตัวให้อยู่แล้ว โดยดาราช่อง 3 จะดังเด่นแรงแค่ไหน ค่าตัวจะสูงสุดอยู่ที่ตอนละ 85,000 บาท หรือดาราบางคน ก็อาจจะคิดค่าตัวเหมาไปทั้งปีเลย อย่างนางเอกสายแซ่บเว่อร์ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ จะให้เล่นกี่ตอนว่ามาเลย เพราะเหมา ๆ ทั้งเรื่อง อยู่แล้วที่ 3 ล้าน งานนี้เห็นราคาค่าตัวเล่นละครต่อตอนแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดารานิยมออกไปเป็นอิสระ รับงานฟรีแลนซ์ เพราะเก็บค่าตัวได้มากกว่ากันเยอะ 

10 อันดับ สายพันธุ์น้องหมาที่แพงที่สุดในโลก

รู้กันมั้ยว่าสัตว์เลี้ยงบางตัวก็ซื้อขายกันในราคาที่สูงมาก บางตัวขายกันในราคาสูงถึงหลักแสน เช่นตัวอย่างที่เรานำมาให้ทุกคนได้อ่านกันวันนี้ กับ 10 อันดับ สายพันธุ์น้องหมาที่แพงที่สุดในโลก จะมีพันธ์อะไรกันบ้าง แต่ละตัวราคาเท่าไหร่ แล้วสามารถเลี้ยงไทยได้ไหม ไปดูกันเลย 10 อันดับ สายพันธุ์น้องหมาที่แพงที่สุดในโลก 10. Afghan Hound – $7,000 ประมาณ 210,000 บาท อัฟกัน ฮาวนด์ เป็นสุนัขชนพื้นเมืองของอัฟกัน มีความสง่างาม มีนิสัยรักสันโดด จงรักภักดี แต่ก็มีความซุกซนและความร่าเริงอยู่ด้วย มีขนาดตัวที่ใหญ่ ขนยาว ทนต่ออากศร้อนและหนาวได้เเนื่องจากมีขนที่หนาฟูปกป้องจากความหนาวและแสงแดด 9. Pharaoh Hound – $7,500 ประมาณ 225,000 บาท ฟาโรห์ ฮาวด์ มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอียิปต์ เป็นสุนัขในโหมดล่าสัตว์ มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าพันธุ์ เกรย์ฮาวนด์ (Greyhound) มีลักษณะตัวที่ผอมเพรียว ดูปราดเปรียว หูตั้งแหลมคล้ายค้างคาว ลักษณะนิสัยมีความซื่อสัตย์ ร่าเริง ตื่นตัว มีความเรียนรู้เร็ว และฝึกง่าย 8.Dogo Argentino – $8,000 ประมาณ 240,000 บาท โดโก อาร์เจนติโน หรือ อาร์เจนติเนียน มาสทิฟฟ์ มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ สุนัขที่มาพร้อมกับความแข็งแรงที่เหนือกว่าพันธ์ุอื่น ๆ ไม่นิยมในการเลี้ยงเอาไว้ในบ้าน ขนสีขาวตลอดตัว หัวรูปทรวสี่เหลี่ยมแข็งแรง มีความขึ้นชื่อด้านความดุร้าย จึงมักเอาไว้ใช้ล่าสัตว์ 7. Canadian Eskimo Dog – $8,750 ประมาณ 262,500 บาท แคนาเดียน เอสกิโม มีต้นกำเนิดมาจากเอสกิโมยาวนานถึง 4000 ปี ในอดีตถูกเลี้ยงไว้ใช้แรงงานและล่าสัตว์ เพราะมีความแข็งแรงแต่ก็เป็นมิตรกับผู้คน ลักษณะภายนอกคือ  ขนหยาบและมีสองชั้น มันสีที่หลากหลายรวมทั้งสีขาว, สีน้ำตาลและสีขาว, สีเทา, สีเทาและสีขาว, สีแดงและสีขาวและสีดำและสีขาว  6. Rottweiler – $9,000 ประมาณ 270,000 บาท ร็อตไวเลอร์ สุนัขสายพันธุ์เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ยุคโรมัน ยุคก่อนจะถูกเลี้ยงไว้ใช้งานในการคุมความปลอดภัย เพราะว่ามีร่างกายที่แข็งแรง ฉลาด ฝึกง่าย ชอบบออกกำลัง เป็นสุนัขที่นิสัยตามผู้เลี้ยง หากเลี้ยงโดยการละเลยก็จะดุร้าย ก้าวร้าว หากเลี้ยงด้วยความรักจะมีนิสัยอ่อนโยน 5.Azawakh – $9,500 ประมาณ 285,000 บาท อาซาวัค เป็นสุนัขพื้นเมืองที่เพิ่งถูกขึ้นทะเบียนเมื่อปี 2019 สุนัขที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบแอฟริกาตะวันตก จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขที่สามารถวิ่งได้เร็วมากและคล่องแคล่วปราดเปรียวเพราะโครงสร้างของขาที่เรียวยาว ถือเป็นสุนัขที่มีนิสัยขี้อาย หวงอาณาเขต แต่ก็เป็นมิตรและรักเจ้าของมาก อาซาวัคจัดเป็นสุนัขกลุ่มฮาวด์ ที่มีความสามารถในการล่าเหยื่อ 4. Tibetan Mastiff – $10,000 ประมาณ 300,000 บาท สุนัขขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดมาจากทิเบต ประเทศจีน และถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเอาไว้ใช้เฝ้าฝูงแกะและจามรีบนภูเขา ซึ่งที่ทำให้หลายคนรักสุนัขพันธุ์นี้ก็คือ ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของและคนในครอบครัว แต่จะดุร้ายเมื่อเจอคนแปลกหน้า ในอดีตสุนัขสายพันธุ์นี้เคยมีราคาสูงถึง 20 ล้านบาท แต่เมื่อความนิยมลดลง ราคาก็ลดลงด้วย 3. Chow Chow – $11,000 ประมาณ 330,000 บาท เชาเชา มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นพันธุ์ผสมระหว่าง มาสตีฟและชามอย และภายหลังเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษด้วยเพราะได้รับความสนใจจากพระนางวิคตอเรีย ปัจจุบันเป็นที่นิยมไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เชาเชาเป็นสุนัขที่มีพลังเยอะ ว่องไว มีขนอยู่หนารอบตัว ฉลาดและมีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ 2.Löwchen – $12,000 ประมาณ 360,000 บาท โลเชน เป็นสุนัขที่มีนิสัยเป็นมิตร อารมณ์ดี จงรักภักดี สามารถฝึกได้ ลักษณะภายนอกมีขนยาวและนุ่ม มีรูปร่างกะทัดรัด ถือเป็นสุนัขสายพันธุ์หายากในอดีต โดยในปี พ.ศ. 2512 มีการบันทึกว่ามีเพียง 40 ตัวในโลกเท่านั้น 1. Samoyed – $14,000 ประมาณ 420,000 ซามอยด์เป็นสุนัขที่มาจากไซบีเรีย มีสายพันธุ์เก่าแก่ที่สืบเชื้อสายมาจากหมาป่า ซึ่งในอดีตชาวซามอยพัฒนาสุนัขสายพันธุ์เพื่อเลี้ยงไว้ต้อนกวางเรนเดียร์และลากเลื่อน มีจุดเด่นที่ขนสีขาวบริสุทธิ์ตลอดทั้งตัว แถมยังนิสัยดีและเข้ากับเด็ก ๆ ได้ง่าย แต่หากใครจะซื้อหามาเลี้ยงบอกเลยว่าไม่ง่าย รู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องสล็อตออนไลน์ สล็อตออนไลน์กับความนิยมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่จะบอกถึงวิธีค้นหาเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของสล็อตออนไลน์ และคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสล็อตออนไลน์ แล้วจะมาบอกวิธีการดูข้อเสนอของสล็อตออนไลน์ที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณได้เลือกที่ตัดสินใจถูกว่าจะเข้าไปเล่นสล็อตออนไลน์ที่เว็บไซต์ไหนดี  อ่านบทความเพิ่มเติม WEREWOLF สล็อตทำเงิน แจ็คพอตมาบ่อย

รู้จักมด สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่น่าหลงใหล และวิธีการเลี้ยง

คงไม่มีใครในที่นี่ไม่รู้จักและไม่เคยเจอมดมาก่อน เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้สามารถอยู้ได้แทบทุกที่เลยก็ว่าได้ แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่เคยเลี้ยงมด อาจจะมีบ้างที่มีเกษตกรเลี้ยงมดแดงไว้ขายหรือว่าเป็นอาหาร แต่เราไม่ได้มาบอกวีธีการเลี้ยงมดแดงแต่อย่างใด เรามาพูดถึงมดที่เลี้ยงไว้เป็นสัตว์เลี้ยงต่างหาก วันนี้เรามาทำความ รู้จักมด และรู้วิธีการเลี้ยงมดกันดีกว่า หากมีคำถามว่าถ้าไม่ได้เลี้ยงไว้เป็นอาหารแล้วเลี้ยงไว้ทำไม ตอบได้เลยว่าคนเลี้ยงส่วนใหญ่เลี้ยงไว้ดูระบบนิเวศและวิถีกาารใช้ชีวิตของมด พูดง่าย ๆ คือเลี้ยงไว้เพื่อความจรรโลงใจ และเพื่อการเรียนรู้นั่นเอง การเลี้ยงมดในไทยยังไม่เป็นแพร่หลาย เรียกว่าเป็นส่วนน้อยเลยก็ได้ จึงทำให้ความรู้และวิธีด้านการเลี้ยงมดยังไม่มีการเผยออกมามากนัก แต่ขอขอบคุณเพจ คนเลี้ยงมด : Ant Keeping Thailand ที่ได้แบ่งปันความรู้ส่วนนี้ไว้ วิธีการเลี้ยงมด พื้นฐาน วิธีเลี้ยงดูมด และ การทำรังมดเริ่มต้น ก่อนอื่นเลย สำหรับมือใหม่ ที่อยากเลี้ยงมด ถ้าถามว่า มดอะไร เลี้ยงง่ายสุด ผมคิดว่า คงเป็น มดตะลาน เหตุผลคือ มดตะลาน เป็นมดที่ตัวใหญ่ มีขนาดหลากหลาย มีมดทหารด้วย เลี้ยงดูง่าย อดทน ไม่ค่อยเรื่องมาก การเจริญเติบโต ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป และ หาได้ทั่วๆไป 1. นางพญามด รู้จักมด และวิธีแยก นางพญาทั้ง 2 ประเภทแบบคร่าวๆคือ ดูที่ตูด ถ้าตูดใหญ่ๆ หัวเล็กๆ คือพวก Fully ถ้าตูดเล็กๆ แฟบๆ ตัวเรียวๆ คือพวก Semi 1.1 Fully-Claustra นั้นไม่ต้องการอาหาร ในช่วงที่สร้างรัง (หลังจากจับนางพญา ที่เพิ่งออกบินหารัง) โดนสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่กินอะไรเลย เป็นเดือน จนกว่า จะมีมดงานตัวแรกเกิดขึ้นมา (มดงานจะหาอาหารไปป้อนนางพญา) เพราะนางพญามีอาหารสะสมมาไว้ก่อนแล้วในตูดของมันรวมถึงสามารถสร้างอาหารด้วยตัวเอง(เดี๋ยวมาเขียนต่อ) เช่น นางพญา มดตะลาน, มดคันไฟ, มดง่าม, มดที่ตูดเป็นรูปหัวใจ (Crematogaster), มดส้ม(ที่กินไข่มดแดง), มดน้ำผึ้ง นางพญามดประเภทนี้ หลังจากเราจับมาแล้ว ให้เอาใส่ไว้ในหลอดทดลอง ทิ้งเอาไว้ในห้องมืด รบกวนให้น้อยที่สุด นางพญาจะวางไข่ และ นำอาหารสะสมมาเลี้ยงตัวอ่อนเอง โดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย จนกว่าจะมีมดตัวแรกออกมาจากดักแด้ แต่บางคนก็หยดน้ำหวาน ให้นางพญาไว้ดื่ม อาทิตย์ละ 1 หยด เพื่อเป็นพลังงานให้นางพญา แต่ผู้มีประสบการณ์หลายคนบอกว่า ไม่ควรยุ่งหรือ ทำอะไรกับมันเลย เพราะตามธรรมชาติ นางพญามด fully จะขังตัวเองเอาไว้ใต้ดิน หรือ ในขอนไม้ รอจนกระทั่งมีมดงาน แล้ว มดงานออกไปหาอาหารให้ และ การที่เรารบกวนมัน อาจจะทำให้นางพญาเครียด และ กินไข่ตัวเองได้ (อันนี้เจอมากับตัว เปิดกล่องจะให้อาหาร แล้วนางพญา semi ตกใจ หันไปจับไข่ตัวเองขึ้นมากินหมดเลย) 1.2 Semi-Claustra คือ มดที่นางพญา ไม่มีอาหารสำรองติดมาด้วย ตอนบินออกจากรัง มดพวกนี้ ต้องการอาหาร และ น้ำหวาน ในช่วงที่สร้างรัง (ก่อนออกไข่-หลังออกไข่-ระยะดูแลตัวอ่อน-หลังมีมดงาน?) เช่น นางพญา มดเขี้ยวโง้ง, มดกระโดด, มดตะนอย นางพญามดประเภทนี้ หลังจากที่จับนางพญาได้แล้ว ต้องคอย ให้อาหาร และ น้ำหวาน ด้วย มีนางพญามดเพียงไม่กี่ชนิด ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะฉนั้น หลังจากจับนางพญามดได้มา ควรแยก 1 ตัว ต่อ 1 หลอดทดลอง 2. อาหารของมด มดต้องการอาหารหลากหลาย ไม่ควรให้อาหารมด ชนิดเดียว ซ้ำๆซากๆ มดต้องการ อาหารหลักๆ 2 อย่าง คือ โปรตีน และ น้ำตาล มด มีกระเพาะ 2 อย่าง คือ กระเพาะ ของตัวมดเอง และ กระเพาะ social กระเพาะ social เป็น กระเพาะ ที่มดเก็บอาหารไว้ แต่สามารถแจกจ่ายอาหารที่เก็บไว้ ให้กับมด หรือ ตัวอ่อนได้ ทางปาก เพราะงั้นไม่ต้องตกใจ ถ้ามีมดแค่ไม่กี่ตัวออกมากินอาหาร เพราะ มดที่ออกมากินอาหาร จะนำอาหารไปแบ่งมดตัวอื่นๆเอง 2.1 โปรตีน คือ สารอาหารที่นางพญามด กินเพื่อสร้างไข่ และ มดงานนำไปป้อนให้หนอนตัวอ่อนกิน เพื่อพัฒนาเป็นดักแด้ ถ้าเราให้โปรตีนน้อย นางพญาจะออกไข่น้อย และ เมื่อหนอนตัวอ่อนได้รับโปรตีนน้อย การพัฒนาเมื่อเป็นตัวจะไม่ดี มดจะออกมาตัวเล็ก เหมือนเช่น มดชุดแรกของ พวกนางพญา Fully-Claustra มดชุดแรกของนางพญา จะมีน้อย อาจจะ ไม่เกิน 10 ตัว หรือ อาจจะเยอะกว่า 10 แล้วแต่สายพันธุ์ เรียกว่า Nanitic เป็นมด ที่เรียกว่า ชุดก่อตั้งรัง มดงานที่ออกมาในชุดแรก ตัวจะเล็ก เนื่องจากนางพญามด ไม่ได้มีโปรตีนจากภายนอกป้อนให้ตัวอ่อนชุดแรก โปรตีน เช่น พวกแมลงทั้งหลาย จิ้งหรีด หนอนนก แมงมุม หรือ ไก่อบ ไก่ทอด ไก่ต้ม ถ้าจับแมลงมาจากธรรมชาติมาให้มด ควรจะเอาแช่ฟรีสไว้ก่อนสักระยะหนึ่ง…

เหตุผล 5 อย่าง ที่บอกว่าทะเลช่วยเยียวยาจิตใจได้

เหตุผล 5 อย่าง ที่บอกว่าทะเลช่วยเยียวยาจิตใจได้ เหตุผล 5 อย่าง ที่บอกว่าทะเลช่วยเยียวยาจิตใจได้ คนไทยถ้านึกอะไรไม่ออกก็ทะเลไว้ก่อน อยากพักผ่อนไปที่ไหน? ทะเล! อกหักไปไหนดี? ทะเล หรืออยากหาที่สงบทำใจให้สงบ ไปที่ไหนดี? ก็ยังคงเป็นทะเล! ดังนั้น ทะเลน่าจะมีอะไรบางอย่าง ที่ส่งผลกับจิตใจของมนุษย์แน่นอน เคยเป็นไหมคะ เวลาไปเที่ยวทะเล แค่ได้สัมผัสกับเกลียวคืน หรือไม่ก็นั่งชิลล์ ๆ ริมชายหาด ก็สามารถทำให้จิตใจเราดีขึ้นมาได้แล้ว บทความเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปในวันนี้ จึงขออธิบายเหตุผล 5 ข้อ ที่บอกว่าทะเล มันช่วยเยียวยาจิตใจได้จริง ๆ ส่วนจะมีเหตุผลทั้ง 5 จะสมเหตุสมผลมากแค่ไหน ตามไปดูกันเลยค่ะ 1. พลังแห่งสายน้ำ น่าจะมีผลกับจิตใจมนุษย์ หนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทะเลเป็นสถานที่ยอดฮิต ในเรื่องการเยียวยาจิตใจของมนุษย์ น่าจะมีเรื่องของพลังงานแห่งสายน้ำเข้ามาด้วย รู้หรือไม่คะ ว่านอกจากน้ำจะให้ความรู้สึกชุ่มชื่นแล้ว น้ำยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย ยิ่งเป็นผืนน้ำที่ทอดกว้างออกไปจนสุดลูกหูลูกตา สลับกับสีท้องฟ้าที่ตกกระทบมาอย่างสวยงามของทะเล ยิ่งทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายได้มากขึ้นไปอีก โดยตามทฤษฎี “Blue Mind”  บอกเอาไว้ว่า เมื่อเราอยู่ใกล้กับน้ำ ไม่ว่าจะอยู่บนน้ำ อยู่ในน้ำ หรือแม้แต่อยู่ใต้น้ำ สมองจะสร้างสารโดปามีน เซโรโทนิน และออกซิโทซิน ซึ่งที่มีอิทธิพลต่อการทำงานของสมอง ทำให้จิตใจสงบ คลายความเครียด และยังช่วยลดระดับคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดลงด้วย ฉะนั้น หากท่านเดินทางไปทะเล แล้วรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกว่าความหนักใจรูปแบบต่าง ๆ ที่เจอมาในแต่ละวันมันหายไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดค่ะ 2. แสงแดดอุ่น ๆ ช่วยเยียวยาจิตใจได้ เวลาเราไปเที่ยวทะเล นอกจากจะได้สัมผัสลมทะเล ที่เย็นแรงตลอดทั้งวันแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับแดดอุ่น ๆ  ที่ควบมาเป็นของคู่กันแบบขาดไม่ได้ด้วย ซึ่งแสงแดดที่ส่องกระทบผิวหนังของเรานี่แหละ จะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามิน D และสารเซโรโทนิน หรือสารเคมีแห่งความสุขออกมาในสมองออกมา ทำให้เราผ่อนคลาย และรู้สึกดี อีกทั้งยังมีการศึกษาพบว่า สมองจะหลั่งสารเซโรโทนินออกมาในวันที่มีแสงแดดมากกว่าวันที่มีฟ้าครึ้ม แสงแดดสามารถทำให้คนล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตายได้ หากรู้ตัวตั้งแต่เนิ่น และออกไปข้างนอกให้ร่างกายได้รับแสงแดดเป็นประจำ ฉะนั้น การที่ท่านไปสัมผัสแสงแดดอุ่น ๆ จากทะเล จึงมีผลกับจิตใจโดยตรงนั่นเอง 3. สีฟ้าของน้ำทะเล มีผลมากอันดับต้น ๆ การได้มองเห็นวิวที่โล่ง ๆ ในมุมกว้าง เป็นสีฟ้าครามสบายตา จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย สิ่วงนั้นถือเป็นเรื่องจริง หากไม่เชื่อท่านลองแหงนมองท้องฟ้าดูสิคะ ไม่จำเป้นต้องไปเที่ยวทะเล ก็สามารถทำให้ท่านดูผ่อนคลายได้ เช่นเดียวกันกับท้องทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีการศึกษาของประชากรในเมืองเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ พบว่า ยิ่งได้เห็น หรืออยู่ที่โล่งสีฟ้า (blue space) มากเท่าไหร่ ก็จะมีสุขภาพจิตที่ดีมากเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการสำรวจอีกหลายครั้งพบว่า คนส่วนใหญ่ทั้งหญิงและชาย ชื่นชอบสีฟ้าหรือสีน้ำเงินมากกว่าสีอื่น ๆ นั่นจึงเป็นเหตุผล ที่ทะเลมีผลกับการเยียวยาจิตใจของมนุษย์นั่นเอง 4. กลิ่นไอของทะเล มีผลกับความรู้สึกเช่นกัน หนึ่งอย่างที่เห็นชัด และสัมผัสได้เสมอ เมื่อเราเดินทางไปยังทะเลแห่งต่าง ๆ ก็คือกลิ่นไอของทะเล โดยประจุไฟฟ้าลบจะมีอยู่มากในอากาศบริเวณ เช่น ในป่าที่ชุ่มชื้น น้ำตก รวมถึงชายฝั่งทะเลด้วย เมื่อประจุไฟฟ้าลบที่อยู่ในกลิ่นไอจากท้องทะเล แทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือด จะไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน ทำให้เรารู้สึกสงบและผ่อนคลาย สดชื่น และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้การเดินทางไปทะเล จึงมีผลทำให้จิตใจของมนุษย์ รู้สึกถึงการได้รับการเยียวยา และส่งผลให้เรารู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเดินทางไปนั่นเอง 5. เสียงคลื่นทะเลแรง แต่ทำให้ผู้ฟังสงบได้ เสียงคลื่นทะเล ถือเป็นดนตรีบรรเลงและขลับกล่อมคนฟังได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งเวลาเราได้ฟังเสียงคลื่นทะเล แม้มันกระทบฝั่งแรงแค่ไหน ก็จะทำให้เรารู้สึกสงบได้เสมอ เสียงของคลื่นที่กระทบฝั่งเป็นเสียงที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เพราะเป็นเสียงที่มีรูปแบบที่คาดเดาได้ เป็นเสียงเบา ๆ ที่มีโทนเสียงปานกลางถึงต่ำ นอกจากนี้เสียงของทะเลให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย บางคนก็บอกว่าเสียงคลื่นทะเลทำให้รู้สึกเหมือนตอนอยู่ในท้องแม่ และทั้งหมดนี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ ว่าทะเลเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจมนุษย์ได้อย่างดีเช่นกัน                 เป็นอย่างไรบ้างคะ 5 เหตุผลที่บอกว่าทะเลช่วยเยียวยาจิตใจได้ พอจะมีความสมเหตุสมผล กับสิ่งที่เราได้รับ หลังจากไปเที่ยวทะเลหรือไม่ แต่สุดท้ายไม่ว่ามันจะมีเหตุผลหรือไม่มีแค่ไหน การไปเที่ยวทะเล ก็เป็นการพักผ่อน ที่ช่วยให้คนที่ไป ได้รับพลังงานดี ๆ กลับมาเสมอ ฉะนั้น หากไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนเพื่อรับพลังงาน ก็ยังคงเลือกทะเลเป็นจุดหมายปลายทางได้อย่างต่อเนื่องนะคะ เเละยิ่งทุกวันนี้ คนอารมณ์ร้อนมากขึ้น ดังนั้นเราจะต้องหาอะไรที่ช่วยให้ตัวเราเองผ่อนคลาย เเละมีความสุขให้ได้มากที่สุด เท่าที่ร่างกายของเราจะทำได้ อย่าคิดลังเลอะไรให้มากมาย ทุกวันนี้ไม่มีอะไรที่เเน่นอน อยากเเนะนำให้ทุกคนทุกท่านหาความสุขให้ตัวเองได้มากที่สุด 5 เคล็ดลับสำคัญจากผู้เล่นเกมสล็อตมือใหม่ เกมสล็อต เป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะเล่นง่าย พวกเขายังรวมเอาแสงสีเสียงและภาพสนุก ๆ ทุกประเภทที่พาฉันย้อนกลับไปในช่วงฤดูร้อนที่ฉันเคยเล่นเกมในอาร์เคดตอนเป็นเด็ก ติดตามเรื่องราวเพิ่มเติม : สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับการเดิมพันสล็อตออนไลน์

รวมสัตว์ 11 ชนิดที่คือที่สุดของโลก

สิ่งมีชีวิตในโลกของเรานั้นมีมากมายหลายล้านชนิด ซึ่งแต่ละชนิดนั้นก็มีความน่าสนใจที่แตกต่างกันไป แต่ สัตว์ ที่อาจจะได้รับความสนใจกันเป็นส่วนมาก มักจะเป็นสัตว์ที่มีความพิเศษ หรือเป็นที่สุดในแต่ละด้าน อย่าง สมัยเรียนหนังสือเรามักจะถูกสอนว่า เสือชีตาห์นั้นเป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุด ช้างเป็นบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบ้างล่ะ แต่นอกเหนือจากในหนังสือเรียนที่เราได้เรียนกันมาแล้วนั้น ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่น่าสนใจในแต่ละด้านที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปรู้จักกัน จะมี สัตว์ ชนิดไหน ด้านใดบ้างไปดูกันเลย สลอธ สัตว์ที่ช้าที่สุด บิดาแห่งการสโลไลฟ์อย่างเจ้า สลอธ ซึ่งสลอธแคระสามนิ้ว มีความเร็วสูงสุดเพียง 240 เมตรต่อชั่วโมง ส่วนสัตว์ปีกตกเป็นของนกอเมริกันวู้ดคอก ที่บินได้เร็วเพียง 26 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่สัตว์ที่ช้าแบบสุดๆ ต้องยกให้สัตว์น้ำอย่างม้าน้ำแคระ ที่เคลื่อนที่ไปได้เพียง 152 เซนติเมตร ต่อชั่วโมงเท่านั้น เหยี่ยวเพเรกวิน สัตว์ที่เร็วที่สุด ถ้าพูดถึงสัตว์บก เราต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับเสือชีตาห์ ที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนสัตว์น้ำต้องยกให้กับปลากระโทงแทง ที่สามารถว่ายน้ำได้เร็วถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนสัตว์ปีกที่เร็วที่สุด และเป็นสัตว์ที่เร็วที่สุดในโลกก็คือ เหยี่ยวเพเรกริน ที่บินได้เร็วในแนวดิ่งถึง 389 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว วาฬสีน้ำเงิน สัตว์ที่ตัวใหญ่ที่สุด ไม่มีใครมาแข่งด้วยแน่นอนสำหรับสัตว์ที่ตัวใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ นั่นก็คือปลาวาฬสีน้ำเงินที่มีน้ำหนักมากถึง 240 ตัน และที่สำคัญมันคือสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่โลกนี้เคยถือกำเนิดมา รวมถึงไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ และสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วทั้งหมดด้วย สัตว์ที่เล็กที่สุด มันพูดยากถ้าหากจะพูดถึงสัตว์ที่เล็กที่สุด เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กอาจนับรวมไปถึงพวกจุลินทรีย์ด้วย แต่ถ้าเรานับแค่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม คำตอบนั้นคือ หนูผีจิ๋ว ที่มีน้ำหนักเพียง 1.9 กรัม ส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นสัตว์ปีก ก็คือ ค้างคาวคุณกิตติ ที่มีน้ำหนักราว 2 กรัม สัตว์เลื้อยคลานที่เล็กที่สุดก็คือ ตุ๊กแกแคระที่มีความยาว 15 มิลลิเมตร ปลาที่เล็กที่สุดคือปลา Paedocypris progenetica ในอินโดนีเซีย ที่มีความยาวเพียง 7.8 มิลลิเมตร และสัตว์ปีกที่เล็กที่สุดนั่นคือ Fairyfly Wasp ที่มีความยาวเพียง 0.5-1 มิลลิเมตรเท่านั้น กุ้งมือปืนเสือ สัตว์ที่เสียงดังที่สุด ถึงแม้ปลาวาฬสีน้ำเงินจะสามารถส่งเสียงร้องได้ดังมากถึง 188 เดซิเบล ด้วยเพราะขนาดตัวอันใหญ่ยักษ์ของมัน แต่ใครจะไปรู้ว่า สิ่งมีชีวิตที่สามารถทำเสียงดังได้มากกว่านั้นจะเป็น กุ้งมือปืนเสือ (Tiger Pistol Shrimp) ที่สามารถยิงคลื่นเสียงออกมาได้ดังมากกว่า 200 เดซิเบลเลยทีเดียว หนอนเชือกรองเท้า สัตว์ที่ยาวที่สุด ถึงแม้ปลาวาฬสีน้ำเงินจะใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันไม่ได้ยาวที่สุด เพราะแชมป์ในตำแหน่งนี้ก็คือ หนอนเชือกรองเท้า หนึ่งในสายพันธุ์ของหนอนริบบิ้นที่สามารถพบได้ในแถบสหราชอาณาจักรและประเทศแถบยุโรปใกล้เคียง โดยมันสามารถยาวได้มากมายถึง 190 ฟุต ถึงแม้ตัวมันจะกว้างเพียงไม่กี่นิ้วก็ตาม แมลงเม่า สัตว์ที่มีอายุสั้นที่สุด ถึงไม่ต้องบินเข้ากองไฟ แมลงเม่าก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาภัพสุดๆ เพราะวงจรชีวิตของมันสั้นมากเพียงแค่ 24 ชั่วโมงหรืออาจสั้นกว่านั้น แน่นอนว่าวงจรชีวิตของมันต้องใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงในการสืบพันธุ์แล้วก็ตายเท่านั้นเอง สัตว์ที่มีอายุยืนยาวที่สุด ในขณะที่แชมป์สัตว์บก ตกเป็นของเต่ายักษ์อัลดาบรา ที่ชื่อว่า อัดไวตา ที่อยู่ในสวนสัตว์อินเดีย โดยมันเกิดในช่วงศตวรรษที่ 1700 และเพิ่งมาเสียชีวิตในปี 2006 โดยมีอายุถึง 250 แต่ถ้าพูดถึงในบรรดาสัตว์ทั้งหมดล่ะก็ หอยทะเลที่มีชื่อว่าหมิง มีอายุมากถึง 507 ปี และเสียชีวิตในปี 2006 อีกเช่นกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ แมงกระพรุนถือว่าชนะเลิศ เพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถย้อนวัยของตัวเองให้กลับเป็นเด็กวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มันเป็นอมตะนั่นเอง สัตว์ที่มีสายตาดีที่สุด หากพูดถึงความชัดเจนในวิสัยทัศน์ระยะไกล อินทรีหัวล้าน และนกล่าเหยื่ออื่นๆ ที่มีสายตาดีกว่ามนุษย์ถึง 8 เท่า ส่วนนกฮูกถือว่ามีสายตาดีอันดับต้นๆ ในการมองเห็นในที่มืด ส่วนสิ่งมีชีวิตอย่าง กั้ง สามารถมองเห็นสีที่ไม่มีสัตว์ชนิดใดบนโลกมองเห็นได้ สัตว์ที่นอนหลับมากที่สุดและน้อยที่สุด ถ้าคุณคิดว่าสลอธขี้เกียจและน่าจะนอนหลับมากที่สุด คุณคิดผิด เพราะเจ้าโคอาล่าถือว่าเป็นคู่แข่งที่ไม่แพ้กัน เพราะมันใช้เวลานอนหลับบนต้นไม้มากถึง 22 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนสัตว์ที่ตรงกันข้ามและไม่เคยหลับเลยก็คือปลาฉลามนั่นเอง สัตว์ที่มีจมูกดีที่สุด หลายคนอาจคิดว่าเป็นสุนัข แต่นั่นยังไม่สามารถสู้ช้างได้ เพราะจมูกของช้างสามารถรับรู้กลิ่นที่แตกต่างกันได้มากถึง 1,984 กลิ่น มากกว่าสุนัขหรือหนูถึง 2 เท่า นอกจากนั้น ช้างยังสามารถได้กลิ่นแหล่งน้ำ ที่อยู่ห่างไกลออกไปได้มากถึง 19.2 กิโลเมตรเลยทีเดียว เป็นอย่างไรกันบ้างกันรวมสัตว์ที่สุดในแต่ละชนิดของโลก บางชนิดเราอาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีความสามารถพิเศษอะไรขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีสัตวือีกหลายชนิดที่เป็นที่สุดของโลกอีก อย่าลืมติดตามกันล่ะ ลองรวยไปกับเกมสล็อต กับเทคนิคเปลี่ยนเงินสิบ เป็นเงินแสน ลองรวยไปกับเกมสล็อต กับเทคนิคเปลี่ยนเงินสิบ เป็นเงินแสน ซึ่งในการเล่น เกมสล็อต เกมหาตังค์ออนไลน์เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องใช้เงินลงทุน ที่เป็นเงินจริง แล้วเราจะทำอย่างไรล่ะ หากเราต้องการที่จะได้เงินทุกครั้งที่ได้เข้าไปเล่น อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : 5 จุดเช็คอินหน้าฝน เหมาะกับคนรักธรรมชาติ

5 จุดเช็คอินหน้าฝน เหมาะกับคนรักธรรมชาติ

5 จุดเช็คอินหน้าฝน เหมาะกับคนรักธรรมชาติ 5 จุดเช็คอินหน้าฝน เหมาะกับคนรักธรรมชาติ ในช่วงฤดูฝน หรือหน้าฝน ที่ตกบ่อย จนพื้นที่ต่าง ๆ ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน หลายคนอาจจะเบื่อ ที่ไปที่ไหนก็มีแต่ฝนตกตลอดทาง หรือเป็นอุปสรรคแก่การเดินทาง แต่สำหรับเหล่าคนรักธรรมชาติ รักการเดินทางแล้ว ย่อมไม่มีสิ่งไหนมาขวางกั้น ทุกอย่างล้วนไม่เป้นอุปสรรค สำหรับการท่องเที่ยว ในวันนี้ เราจึงมาแนะนำ 7 จุดเช็คอิน ที่วิวทิวทัศน์สวยงามมาก ๆ ยิ่งเป็นหน้าฝนแล้วนั้น ธรรมชาติจะยิ่งเขียวขจี และน่าชื่นชมมากอีกหลายเท่าเลยล่ะค่ะ 1. บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ บ้านป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ หมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยนาขั้นบันได แปลงข้าวโพด ทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหล่านักท่องเที่ยวและช่างภาพ ชอบมาเก็บภาพความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของภูเขา ป่าไม้ เพราะมีทั้งทะเลหมอก และแสงอุ่นในยามเช้า พร้อมชมแสงอาทิตย์ยามเย็นสวย ๆ ที่ส่องผ่านก้อนเมฆกระทบกับหุบเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อน เกิดเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก นอกจากนั้นยังมีโฮมสเตย์ในราคาย่อมเยา ให้ได้เลือกพักผ่อนนอนดูทางช้างเผือก ในวันที่ฟ้าเปิดได้แบบฟิน ๆ 2. วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา ภูลังกา หรือ วนอุทยานภูลังกา จังหวัดพะเยา  ที่ซึ่งเหล่านักท่องเที่ยวพากันมาพิชิตยอดดอย เพื่อไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติ ใครสนใจไปเยือนบอกเลยต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะต้องเดินทางผ่านสันดอยต่างๆ บนเส้นทางเดินป่าระยะทาง 3 กิโลเมตร เริ่มด้วยห้องเรียนธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้หายากต่าง ๆ ก่อนจะเดินผ่านป่าก่อโบราณ ซึ่งอุดมไปด้วยนกมากมายหลายชนิด นอกจากนี้ยังมีทุ่งดอกโคลงเคลงซึ่งจะบานสะพรั่งอวดสีสันในช่วงปลายฤดูฝน เมื่อเริ่มไต่ความสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ จะผ่านดอยหัวลิง ภูนม ณ จุดนี้สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็น วิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ไปจนถึงทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา มาถึงจุดนี้ว่าสวยแล้วอย่าเพิ่งถอดใจ แนะนำไปต่อจนถึงจุดที่สูงที่สุดคือยอดภูลังกา  จุดนี้สามารถชมวิวได้ไกลถึงฝั่งลาวเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกภูลังกา มาถึงจุดนี้ว่าสวยแล้วอย่าเพิ่งถอดใจ แนะนำไปต่อจนถึงจุดที่สูงที่สุดคือยอดภูลังกา จุดนี้สามารถชมวิวได้ไกลถึงฝั่งลาวเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกภูลังกา ถึงจะเป็นน้ำตกขนาดเล็กแต่ก็มีความสวยงามในช่วงฤดูฝนรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชม 3. เมืองปัว จังหวัดน่าน อ.ปัว จ.น่าน อำเภอเล็กๆ ที่ห่างจากตัวเมืองน่านกว่า 60 กิโลเมตร แต่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ยิ่งมาในช่วงหน้าฝนหรือช่วงหน้าฝนหรือช่วง ก.ย.-ต.ค. ที่ทุ่งนาและภูเขาพร้อมใจกันอวดความเขียวขจีแล้วนั้น ยิ่งทำให้หลงไหลอำเภอนี้ไปแบบหมดใจ และด้วยตัวอำเภอที่ไม่ใหญ่มากทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใช้เวลาไม่นาน ไม่ว่าจะเป็น วัดภูเก็ต ที่มีจุดชมวิวเป็นทุ่งนาสีเขียวชอุ่ม  ตูบนาไทลื้อ-ร้านกาแฟไทลื้อชื่อดัง  ฟาร์มเห็ด วังศิลาแลง แหล่งเพาะเห็ดสำคัญของอำเภอ ก็ใช้เวลาเดินทางถึงกันเพียง 5-10 นาทีเท่านั้นเอง หรือถ้าอยากสัมผัสความงามสุดลูกหูลูกตาที่ประเมินค่าไม่ได้ ก็แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซด์ขับขึ้นไปเที่ยว ดอยภูคา เพราะตลอดเส้นทางที่ขับรถไปนั้น จะตื่นตาตื่นใจไปกับวิวภูเขาซ้อนตัวสลับกันไปมา พร้อมกับเส้นถนนที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ ทำให้ใครๆก็เปรียบถนนเส้นนี้ว่าถนนลอยฟ้า ที่สำคัญเมื่อขึ้นไปถึงยอดดอยก็จะได้พบกับวิวสุด Unseen ของทะเลหมอกในแบบ 360 องศาอีกด้วย 4. เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก ท่ามกลางสายน้ำขนาดใหญ่ของเขื่อนเชียวหลานจะมีภูเขาหินปูนทั้งแบบยอดแหลมและแนวหน้าผาสูงชันไล่ระดับสลับกันไปมา ไฮไลท์อยู่ที่ ภูเขาหินปูน 3 ก้อนวางจัดเรียงกัน มีธารน้ำสีเขียวโอบล้อม และรายล้อมไปด้วย ภูเขาขนาดใหญ่ที่มีพรรณไม้เขียวขจี สวยงามและมีทัศนียภาพเหมือนกับ กุ้ยหลินเมืองจีน จนได้รับสมญานามว่า กุ้ยหลินเมืองไทย กันเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวสามารถมานอนแพ ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น พายเรือ ล่องแพชมเขาสามเกลอ เดินป่า ยิ่งในช่วงหน้าฝนแบบนี้ บรรยากาศแม้จะครึ้ม ๆหน่อย แต่ก็ชุ่มฉำ เขียวชอุ่มเย็นสบาย สามารถสัมผัสกับสายหมอก ที่ลอยคลอเคลียไหล่เขากระทบ กับแสงแดดอยู่เหนือน้ำ เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามดึงดูดใจและสร้างความประทับใจ แก่นักท่องเที่ยวมาแล้วนับไปถ้วน 5. น้ำตกเอราวัญ จังหวะกาญจนบุรี น้ำตกเอราวัณ ณ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์  จ.กาญจนบุรี น้ำตกที่มีทั้งหมด 7 ชั้น มีระยะทางเดินตั้งแต่ชั้นที่ 1-7 ประมาณ 1,500 เมตร ถึงแม้จะไม่ไกลแต่ด้วยความชันของพื้นที่ ที่เป็นภูเขาสลับกันขึ้นๆ ลงๆ ก็เล่นเอาหอบได้เหมือนกัน โดยเฉพาะตั้งแต่ชั้นที่ 4 ขึ้นไป เรียกว่าทั้งชัน ทั้งเหนื่อยสุดๆ แต่ด้วยบรรยากาศตลอดเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ นก ลิงป่า และสัตว์ป่า ออกมาให้เราได้ตื่นเต้นก็ช่วยบรรเทาอาการเหนื่อยไปได้บ้าง จุดเด่นของที่นี่ยกให้ ผืนน้ำสีมรกตพร้อมกับปลาพลวงที่คอยต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวแบบไม่มีเขินอายกันเลยล่ะ แต่ใครที่ต้องการไปเที่ยวก็ต้องเคร่งครัดกับกฎระเบียบที่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งไว้ด้วยนะ เพื่อความปลอดภัย ช่วงหน้าฝนแบบนี้ใครอยากไปเที่ยวชมแม่น้ำโขง หรือบรรยากาศริมโขง แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลผ่านหลายจังหวัดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย เลย หนองคาย นครพนม อำนาจเจริญ และอุบลราขธานี เส้นทางเหล่านี้รับรองได้ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยสดงดงาม 5 สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตริมแม่น้ำโขง ที่สวยไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย อ่านบทความเพิ่มเติม ได้ที่ : รวม 5 พันธุ์น้องหมาน่าเลี้ยง น่าเอ็นดู

รวม 5 พันธุ์น้องหมาน่าเลี้ยง น่าเอ็นดู

รวม 5 พันธุ์น้องหมาน่าเลี้ยง น่าเอ็นดู – สุนัข หรือเจ้าหมานั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ มีความเชื่องกับคน มีพฤติกรรมการรับรู้ทางประสาทสัมผัส และลักษณะทางกายภาพที่หลากหลาย จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนโปรดของใครหลายๆ คน นอกจากความน่ารักแล้ว ยังมีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ตาม ซึ่งแล้วแต่คนชอบว่าจะเลือกสุนัขหรือหมาสายพันธุ์ไหน ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาตัวเล็กๆ ยันตัวโตๆ ที่โดนเข้าหาเราทีอาจจะล้มได้ วันนี้เราเลยจะพาไปรู้จักพันธุ์น้องหมาน่าเลี้ยงกัน ไปดูกันเลยว่าจะมีพันธุ์ไหนน่าเลี้ยง น่าเอ็นดูบ้าง รวม 5 พันธุ์น้องหมาน่าเลี้ยง น่าเอ็นดู 1. บีเกิ้ล (Beagle) สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บีเกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาประมาณ 10,000-15,000 บาท 2. บูลล์ด็อก (Bulldog) เห็นรูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป 3. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป 4. ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian) ปอม เมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาวดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป 5. โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก…

Close